วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ท่องเชียงรายในสามวัน (1)


ท่องเชียงรายในสามวัน
………………………….
          ปลายปี 2554 ควรบันทึกไว้ว่า 20 กว่าจังหวัดในประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพฯ เกิดอุทกภัยใหญ่ ฝูงชนมากมายเดือดร้อนแสนสาหัส ชนิดไม่โดนเองไม่รู้ซึ้ง แม้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ศาลายา ยังอยู่ในภาวะเดียวกับชาวบ้านย่านพุทธมณฑล และปิดประกาศเลื่อนการเปิดการเรียนการสอนนานกว่า 2 เดือน วิทยาเขตวังไกลกังวล แม้น้ำท่วมไม่ถึง แต่เพื่อความสะดวกต่อการจัดการศึกษา ต้องเปิดการเรียนการสอนพร้อมกัน คณะบริหารธุรกิจวิทยาเขตวังไกลกังวล จึงถือโอกาสจัดการสัมมนาร่วมกับจังหวัดเชียงรายหัวข้อ “ประชาคมอาเชียน” เพื่อศึกษาความพร้อมของเขตชายแดนเชียงราย และการเดินทางเยี่ยม ประเทศเพื่อนบ้านที่สามเหลี่ยมทองคำประกอบการสัมมนา

                การเดินทางคราวนี้หรูหรานิดหน่อย  เพราะเดินทางไป-กลับโดยเครื่องบินนกแอร์ ย่นระยะเวลาการเดินทางจากราว 10 กว่าชั่วโมง เหลือแค่ 1 ชั่วโมง 10 นาที ต่อเที่ยว  อีกประการหนึ่ง การเดินทางโดยเครื่องบิน ไม่ว่าจะเป็นภายใน หรือ ภายนอกประเทศ เป็นประสบการณ์ที่ควรเก็บเกี่ยว เนื่องจากเป็นรูปแบบการเดินทางที่พัฒนามาถึงจุดสูง ณ ปัจจุบัน ถ้ามีปัจจัย (เงิน) เพียงพอ นอกจากนั้นเดินทางโดยรถบัสใหญ่ และรถตู้ตามสถานการณ์สถานที่อันเหมาะสม

                คณะของเราออกเดินทางจากวิทยาเขตฯ ราวตีสอง เพื่อให้ถึงสนามบินสุวรรณภูมิก่อนเวลา 8.00 น. แต่เราถึงสนามบินก่อนกำหนดเวลามาก จึงมีเวลานำกระเป๋าเข้าท้องเครื่องบิน เดินชมบริเวณ เข้าห้องน้ำ รับประทานอาหารเช้าราคาหรูสมกับสถานที่ เดินชมร้านค้าภายในจนพอใจแล้วต่างทยอยเข้าสู่ห้องผู้โดยสาร น้องกาญจน์พลัดหลงผู้ปกครองเดินตามหมู่คณะ โดยที่ไม่มีบัตรผู้โดยสาร จึงถูกเรียกให้นั่งรอ ความรู้สึกของเด็กวัย 12 ปี ขณะมองเพื่อนๆ และหมู่คณะเดินเข้าห้องผู้โดยสารต่อหน้าต่อตา จึงเหมือนขาดความอบอุ่นมั่นคงเกิดความหวาดกลัวว่าจะผิดพลาดจนไม่อาจเดินทางไปได้ น้ำตาเจ้ากรรมพาลไหลเอ่อท้นขอบตาหยดลงบนพื้นสนามบินสุวรรณภูมิจนได้ ร้อนถึงญาติมิตรต้องโทรหาบิดรมารดามารับผิดชอบ ขณะที่พ่อแม่แยกย้ายใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงที่เหลือล้างหน้าเข้าห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์


                 ถึงเวลา 8.00 น. (เศษ) เครื่องบินค่อยๆคลานออกจากลานจอดเข้าสู่รันเวย์ ตั้งตรงตามทิศทางแล้ววิ่งเร็วขึ้นจนถึงระดับแล้วยกตัวขึ้นสู่น่านฟ้า ไต่ระดับสูงขึ้น ยามเครื่องบินตะแคงเลี้ยวผมเล็งกล้องเก็บภาพผ่านปีกเครื่องบินสู่เบื้องล่าง เห็นพื้นดินทอดแนวยาวริบหรี่รำไร และเกือบครึ่งเป็นพื้นน้ำปกคลุมอาณาบริเวณกว้างไกลไม่น้อย จนเครื่องบินยกระดับสูงกว่าเมฆ จึงมองไม่เห็นพื้นดินอันไพศาลจนกว่าจะอีกชั่วโมงสิบนาทีต่อมา เครื่องบินลดระดับลงจนล้อแตะรันเวย์ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง แล้วค่อยๆ วิ่งเข้าเทียบงวงช้างในที่สุด

                เรารอรับกระเป๋าเดินทางจากสายพานแล้วเดินทางขึ้นรถบัสใหญ่ที่บริษัทมัคคุเทศก์จัดไว้รออยู่ก่อนแล้ว ออกเดินทางเข้าเยี่ยมชมวัดร่องขุ่น “วัดขาว” ภายใต้การบูรณปฏิสังขรณ์ของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ผู้มุ่งมั่นอุทิศบุญกิริยาครั้งนี้ให้เป็นศาสนสถานประจำรัชกาลที่ 9 เพิ่มจำนวนพื้นดินของวัดเป็น 9 ไร่เศษ ก่อสร้างอาคารเพื่อประกอบศาสนกิจให้ครบ 9 หลัง ตั้งเป้าหมายให้สำเร็จใช้งานในกิจการของสงฆ์ได้ก่อน ส่วนการตกแต่งประดับประดาพุทธศิลปะอันอ่อนช้อยวิจิตรบรรจงสวยงามตระการตาที่เหลือ ท่านอาจารย์วางแผนสอนศิษย์ไว้อีกสองรุ่น คือรุ่นใหญ่อายุ 22 ปีขึ้นไป ไว้สืบทอดต่อจากรุ่นปัจจุบัน ส่วนอีกรุ่นเป็นรุ่นเล็ก อายุ 12 ปีขึ้นไป เตรียมการไว้เพื่อรองรับการสืบทอดเจตนารมณ์ของรุ่นใหญ่อีกทอดหนึ่งจนกว่างานจะแล้วเสร็จ

                คณะของเราแยกย้ายถ่ายรูปทำบุญไหว้พระ หลายรายได้โอกาสถ่ายรูปร่วมกับท่านอาจารย์เฉลิมชัย ที่เมตตามาถ่ายรูปด้วย เป็นที่ระลึก ผมเองเดินชมไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วย ทำบุญไปด้วย และโชคดีท่านอาจารย์เมตตาสละเวลาถ่ายรูปด้วย จึงขอถือโอกาสนี้กล่าวคำขอบคุณไว้ ณ ตรงนี้

                เกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า คนคนหนึ่งประสบความสำเร็จในการวาดรูปอย่างมากมาย มีรายได้มากจนกินใช้อย่างเศรษฐีก็ยังไม่หมดในชีวิตนี้ เขามีทุกอย่างที่มนุษย์ผู้มั่งคั่งมี พรั่งพร้อมชื่อเสียงเกียรติยศทรัพย์สินเงินทอง แต่เขายอมสละละวางชื่อเสียง เพื่อมากินนอนอยู่ในวัดเหมือนศิษย์วัดคนหนึ่งจะพึงทำ นอนหัวค่ำราวสองสามทุ่ม ตื่นแต่เช้าตรู่ตีสองตีสามเพื่อมาเดินรอบวัดกำหนดจิตฝึกสติสมาธิเพื่อให้เกิดปัญญาตามหลักการแห่งพระศาสนา จนกว่าจะรุ่งเช้า รับประทานอาหารเช้าร่วมกับศิษย์วัดคนอื่นๆ และทำงานให้แก่วัดตามตารางเวลา ชีวิตอันโรจน์รุ่งกลับต้องมาวนเวียนอยู่อย่างนี้วันแล้ววันเล่า ทรัพย์สินจำนวนมากทุ่มเทเพื่อการสร้างวัดไป นี่คือชีวิตของคนมีชื่อเสียงเกียรติยศกระนั้นหรือ “เขาทำอย่างนี้เพื่อสิ่งใด”


                เขาหวัง “พระนิพพาน” อันเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระศาสนาในชีวิตนี้กระนั้นหรือ หรือว่า เขาหวัง “พระโพธิญาณ” บำเพ็ญตนเป็นพระโพธิสัตว์ผู้ต้องการนำสรรพชีวิตข้ามพ้นโอฆะสังสารวัฏอันยืดยาววนเวียนไม่สิ้นสุด เป้าหมายอื่นเป็นอันว่าเล็กน้อยเกินไปสำหรับบุญยิ่งใหญ่ที่ได้กระทำลงไปแล้วและมุ่งมั่นกระทำต่อไป ผู้เสียสละขนาดนี้ และมีความมุ่งหวังอันเลิศถึงปานนี้ ในใจของผมคิดว่าสมควรได้รับการยกย่องว่าเป็น “มหาบุรุษ” มีค่าควรแก่การยกย่องให้เป็นต้นแบบของสาธุชนตลอดไป

                เวลาล่วงเลยกำหนดหมายเล็กน้อยเรามุ่งหน้าสู่ร้านข้าวซอยกลางเมืองเชียงราย หลายคนลองลิ้มชิมรสข้าวซอยขนานแท้เป็นครั้งแรก อิ่มอร่อยจนพอใจแล้ว เรามุ่งหน้าใฝ่หากุศลที่วัดพระแก้วเชียงราย เป็นครั้งแรกที่ผมรู้ว่า เชียงรายมีพระแก้วเป็นของตนเอง มีประวัติความเป็นมายาวนาน เราเดินขึ้นบันไดพญานาคเข้าสู่พระอุโบสถมองช่อฟ้าหน้าบันคันทวยใบระกาหางหงส์ลวดลายสีทองวิจิตรตระการตา ต่างก้มกราบพระประธานในพระอุโบสถ ด้วยดวงจิตอันเป็นกุศล ฟังประวัติหลวงพ่อ และประวัติของวัด เสร็จแล้วลาพระประธานเดินออกจากโบสถ์เลี้ยวซ้ายเข้าสู่พระวิหารพระแก้วเพื่อกราบชื่นชมบารมี

                เราอ้อยอิ่งถ่ายรูปสนทนาหาความรู้อยู่บริเวณด้านหน้าพระวิหารพระแก้วเชียงรายต่ออีกนิดหน่อย เห็นพระพระทองเหลืองปางนาคปรกเหลืองอร่ามสวยงามตั้งอยู่หน้าพระวิหาร อีกด้านมีต้นไผ่สีทองสวยงามเรียงรายเป็นระเบียบน่านำสายพันธุ์มาปลูก ระหว่างโบสถ์และวิหารพระแก้วมีพระเจดีย์สีทองภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสะท้อนแดดบ่ายวิบวับสวยงามจับตาไว้ให้สาธุชนผู้ศรัทธากราบไหว้บูชารำลึกถึงองค์พระศาสดา

                ล่วงเลยเวลานัดหมายเล็กน้อยคณะของเราเดินทางมุ่งหน้าสู่บ้านถวัลย์ ดัชนี มหาศิลปินชาวเชียงรายผู้ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่ง ชาวบ้านเรียกว่า “วัดดำ” ทั้งที่ยังเป็นบ้าน แต่ว่ามีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายวัดโทนสีของอาคารสถานที่เน้นเทาดำ รถวิ่งบนถนนใหญ่ไม่นานแล้วลดเลี้ยวเข้าถนนเล็ก แล้วจอดห่างจากบ้านเป้าหมายเกิน 300 เมตร คณะของเราจำเป็นต้องเดินเท้าเข้าถนนเล็กในหมู่บ้าน หลายคนไม่คุ้นเคยกับการเดินเท้า จึงเริ่มมีเสียงหมีกินผึ้งแว่วๆ มาตามทาง (โปรดติดตามตอนต่อไป)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น