ท่องเชียงรายในสามวัน
………………………….
ปลายปี 2554 ควรบันทึกไว้ว่า
20 กว่าจังหวัดในประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพฯ เกิดอุทกภัยใหญ่
ฝูงชนมากมายเดือดร้อนแสนสาหัส ชนิดไม่โดนเองไม่รู้ซึ้ง
แม้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ศาลายา
ยังอยู่ในภาวะเดียวกับชาวบ้านย่านพุทธมณฑล
และปิดประกาศเลื่อนการเปิดการเรียนการสอนนานกว่า 2 เดือน วิทยาเขตวังไกลกังวล แม้น้ำท่วมไม่ถึง
แต่เพื่อความสะดวกต่อการจัดการศึกษา ต้องเปิดการเรียนการสอนพร้อมกัน คณะบริหารธุรกิจวิทยาเขตวังไกลกังวล
จึงถือโอกาสจัดการสัมมนาร่วมกับจังหวัดเชียงรายหัวข้อ “ประชาคมอาเชียน” เพื่อศึกษาความพร้อมของเขตชายแดนเชียงราย
และการเดินทางเยี่ยม ประเทศเพื่อนบ้านที่สามเหลี่ยมทองคำประกอบการสัมมนา
การเดินทางคราวนี้หรูหรานิดหน่อย เพราะเดินทางไป-กลับโดยเครื่องบินนกแอร์ ย่นระยะเวลาการเดินทางจากราว
10 กว่าชั่วโมง เหลือแค่ 1 ชั่วโมง 10 นาที ต่อเที่ยว อีกประการหนึ่ง การเดินทางโดยเครื่องบิน
ไม่ว่าจะเป็นภายใน หรือ ภายนอกประเทศ เป็นประสบการณ์ที่ควรเก็บเกี่ยว
เนื่องจากเป็นรูปแบบการเดินทางที่พัฒนามาถึงจุดสูง ณ ปัจจุบัน ถ้ามีปัจจัย (เงิน)
เพียงพอ นอกจากนั้นเดินทางโดยรถบัสใหญ่ และรถตู้ตามสถานการณ์สถานที่อันเหมาะสม
คณะของเราออกเดินทางจากวิทยาเขตฯ
ราวตีสอง เพื่อให้ถึงสนามบินสุวรรณภูมิก่อนเวลา 8.00 น. แต่เราถึงสนามบินก่อนกำหนดเวลามาก
จึงมีเวลานำกระเป๋าเข้าท้องเครื่องบิน เดินชมบริเวณ เข้าห้องน้ำ
รับประทานอาหารเช้าราคาหรูสมกับสถานที่ เดินชมร้านค้าภายในจนพอใจแล้วต่างทยอยเข้าสู่ห้องผู้โดยสาร
น้องกาญจน์พลัดหลงผู้ปกครองเดินตามหมู่คณะ โดยที่ไม่มีบัตรผู้โดยสาร
จึงถูกเรียกให้นั่งรอ ความรู้สึกของเด็กวัย 12 ปี ขณะมองเพื่อนๆ
และหมู่คณะเดินเข้าห้องผู้โดยสารต่อหน้าต่อตา
จึงเหมือนขาดความอบอุ่นมั่นคงเกิดความหวาดกลัวว่าจะผิดพลาดจนไม่อาจเดินทางไปได้
น้ำตาเจ้ากรรมพาลไหลเอ่อท้นขอบตาหยดลงบนพื้นสนามบินสุวรรณภูมิจนได้ ร้อนถึงญาติมิตรต้องโทรหาบิดรมารดามารับผิดชอบ
ขณะที่พ่อแม่แยกย้ายใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงที่เหลือล้างหน้าเข้าห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์
ถึงเวลา 8.00 น.
(เศษ) เครื่องบินค่อยๆคลานออกจากลานจอดเข้าสู่รันเวย์ ตั้งตรงตามทิศทางแล้ววิ่งเร็วขึ้นจนถึงระดับแล้วยกตัวขึ้นสู่น่านฟ้า
ไต่ระดับสูงขึ้น ยามเครื่องบินตะแคงเลี้ยวผมเล็งกล้องเก็บภาพผ่านปีกเครื่องบินสู่เบื้องล่าง
เห็นพื้นดินทอดแนวยาวริบหรี่รำไร
และเกือบครึ่งเป็นพื้นน้ำปกคลุมอาณาบริเวณกว้างไกลไม่น้อย
จนเครื่องบินยกระดับสูงกว่าเมฆ จึงมองไม่เห็นพื้นดินอันไพศาลจนกว่าจะอีกชั่วโมงสิบนาทีต่อมา
เครื่องบินลดระดับลงจนล้อแตะรันเวย์ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง แล้วค่อยๆ
วิ่งเข้าเทียบงวงช้างในที่สุด
เรารอรับกระเป๋าเดินทางจากสายพานแล้วเดินทางขึ้นรถบัสใหญ่ที่บริษัทมัคคุเทศก์จัดไว้รออยู่ก่อนแล้ว
ออกเดินทางเข้าเยี่ยมชมวัดร่องขุ่น “วัดขาว”
ภายใต้การบูรณปฏิสังขรณ์ของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ผู้มุ่งมั่นอุทิศบุญกิริยาครั้งนี้ให้เป็นศาสนสถานประจำรัชกาลที่
9 เพิ่มจำนวนพื้นดินของวัดเป็น 9 ไร่เศษ ก่อสร้างอาคารเพื่อประกอบศาสนกิจให้ครบ 9
หลัง ตั้งเป้าหมายให้สำเร็จใช้งานในกิจการของสงฆ์ได้ก่อน
ส่วนการตกแต่งประดับประดาพุทธศิลปะอันอ่อนช้อยวิจิตรบรรจงสวยงามตระการตาที่เหลือ
ท่านอาจารย์วางแผนสอนศิษย์ไว้อีกสองรุ่น คือรุ่นใหญ่อายุ 22 ปีขึ้นไป ไว้สืบทอดต่อจากรุ่นปัจจุบัน
ส่วนอีกรุ่นเป็นรุ่นเล็ก อายุ 12 ปีขึ้นไป
เตรียมการไว้เพื่อรองรับการสืบทอดเจตนารมณ์ของรุ่นใหญ่อีกทอดหนึ่งจนกว่างานจะแล้วเสร็จ
คณะของเราแยกย้ายถ่ายรูปทำบุญไหว้พระ
หลายรายได้โอกาสถ่ายรูปร่วมกับท่านอาจารย์เฉลิมชัย ที่เมตตามาถ่ายรูปด้วย
เป็นที่ระลึก ผมเองเดินชมไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วย ทำบุญไปด้วย
และโชคดีท่านอาจารย์เมตตาสละเวลาถ่ายรูปด้วย จึงขอถือโอกาสนี้กล่าวคำขอบคุณไว้ ณ
ตรงนี้
เกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า คนคนหนึ่งประสบความสำเร็จในการวาดรูปอย่างมากมาย
มีรายได้มากจนกินใช้อย่างเศรษฐีก็ยังไม่หมดในชีวิตนี้
เขามีทุกอย่างที่มนุษย์ผู้มั่งคั่งมี พรั่งพร้อมชื่อเสียงเกียรติยศทรัพย์สินเงินทอง
แต่เขายอมสละละวางชื่อเสียง เพื่อมากินนอนอยู่ในวัดเหมือนศิษย์วัดคนหนึ่งจะพึงทำ
นอนหัวค่ำราวสองสามทุ่ม
ตื่นแต่เช้าตรู่ตีสองตีสามเพื่อมาเดินรอบวัดกำหนดจิตฝึกสติสมาธิเพื่อให้เกิดปัญญาตามหลักการแห่งพระศาสนา
จนกว่าจะรุ่งเช้า รับประทานอาหารเช้าร่วมกับศิษย์วัดคนอื่นๆ
และทำงานให้แก่วัดตามตารางเวลา
ชีวิตอันโรจน์รุ่งกลับต้องมาวนเวียนอยู่อย่างนี้วันแล้ววันเล่า
ทรัพย์สินจำนวนมากทุ่มเทเพื่อการสร้างวัดไป นี่คือชีวิตของคนมีชื่อเสียงเกียรติยศกระนั้นหรือ
“เขาทำอย่างนี้เพื่อสิ่งใด”
เขาหวัง “พระนิพพาน” อันเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระศาสนาในชีวิตนี้กระนั้นหรือ
หรือว่า เขาหวัง “พระโพธิญาณ”
บำเพ็ญตนเป็นพระโพธิสัตว์ผู้ต้องการนำสรรพชีวิตข้ามพ้นโอฆะสังสารวัฏอันยืดยาววนเวียนไม่สิ้นสุด
เป้าหมายอื่นเป็นอันว่าเล็กน้อยเกินไปสำหรับบุญยิ่งใหญ่ที่ได้กระทำลงไปแล้วและมุ่งมั่นกระทำต่อไป
ผู้เสียสละขนาดนี้ และมีความมุ่งหวังอันเลิศถึงปานนี้ ในใจของผมคิดว่าสมควรได้รับการยกย่องว่าเป็น
“มหาบุรุษ” มีค่าควรแก่การยกย่องให้เป็นต้นแบบของสาธุชนตลอดไป
เวลาล่วงเลยกำหนดหมายเล็กน้อยเรามุ่งหน้าสู่ร้านข้าวซอยกลางเมืองเชียงราย
หลายคนลองลิ้มชิมรสข้าวซอยขนานแท้เป็นครั้งแรก อิ่มอร่อยจนพอใจแล้ว
เรามุ่งหน้าใฝ่หากุศลที่วัดพระแก้วเชียงราย เป็นครั้งแรกที่ผมรู้ว่า
เชียงรายมีพระแก้วเป็นของตนเอง มีประวัติความเป็นมายาวนาน เราเดินขึ้นบันไดพญานาคเข้าสู่พระอุโบสถมองช่อฟ้าหน้าบันคันทวยใบระกาหางหงส์ลวดลายสีทองวิจิตรตระการตา
ต่างก้มกราบพระประธานในพระอุโบสถ ด้วยดวงจิตอันเป็นกุศล ฟังประวัติหลวงพ่อ
และประวัติของวัด เสร็จแล้วลาพระประธานเดินออกจากโบสถ์เลี้ยวซ้ายเข้าสู่พระวิหารพระแก้วเพื่อกราบชื่นชมบารมี
เราอ้อยอิ่งถ่ายรูปสนทนาหาความรู้อยู่บริเวณด้านหน้าพระวิหารพระแก้วเชียงรายต่ออีกนิดหน่อย
เห็นพระพระทองเหลืองปางนาคปรกเหลืองอร่ามสวยงามตั้งอยู่หน้าพระวิหาร อีกด้านมีต้นไผ่สีทองสวยงามเรียงรายเป็นระเบียบน่านำสายพันธุ์มาปลูก
ระหว่างโบสถ์และวิหารพระแก้วมีพระเจดีย์สีทองภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสะท้อนแดดบ่ายวิบวับสวยงามจับตาไว้ให้สาธุชนผู้ศรัทธากราบไหว้บูชารำลึกถึงองค์พระศาสดา
ล่วงเลยเวลานัดหมายเล็กน้อยคณะของเราเดินทางมุ่งหน้าสู่บ้านถวัลย์
ดัชนี มหาศิลปินชาวเชียงรายผู้ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่ง ชาวบ้านเรียกว่า “วัดดำ”
ทั้งที่ยังเป็นบ้าน แต่ว่ามีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายวัดโทนสีของอาคารสถานที่เน้นเทาดำ
รถวิ่งบนถนนใหญ่ไม่นานแล้วลดเลี้ยวเข้าถนนเล็ก แล้วจอดห่างจากบ้านเป้าหมายเกิน 300
เมตร คณะของเราจำเป็นต้องเดินเท้าเข้าถนนเล็กในหมู่บ้าน
หลายคนไม่คุ้นเคยกับการเดินเท้า จึงเริ่มมีเสียงหมีกินผึ้งแว่วๆ มาตามทาง
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น